วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ย้อนรอย.. รายการสนามข่าว 7 สี / ผอ. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้แจง น้ำแร่-hydro


SOL รุกตลาดขายตรงดันยอด 1 พันล้าน ปลื้มน้ำแร่ทองคำทะลุ 2 ล้านขวด

                

                เมื่อช่วง เดือน สค 2558 นี้บริษัทเพิ่งฉลอง ยอดขายน้ำแร่ hydro 2 ล้านขวด แต่ก่อนหน้านั้น 
sol ก็ผ่านเรื่องราว ที่ถือว่าเป็นบททดสอบที่สำคัญ มากๆ ... 

                ตอนนี้มีสมาชิกใหม่ เข้ามาหลายคนนะครับ รวมทั้งอาจจะยังมีสมาชิกเก่าๆ ที่ ไม่ได้ติดตามข่าวสาร ผมจึงขอ ย้อนรอย เรื่องราว ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2557

เรื่องจากสตรีนางหนึ่ง ไปออกรายการทีวี สนามข่าว 7 สี ว่าหน้าของเธอ มีการแพ้-อักเสบ เนื่องจากการใช้สเปรน้ำแร่ ถึงในรายการจะไม่บอกยี่ห้อ แต่ดูจากขวดและข่าวแล้ว ทุกคนก็เข้าใจว่า เธอแพ้สเปรไฮโดร

ประกอบกับมีผู้ใช้สินค้า ไปโพสต์ใน ยูทูป(youtube) โดยการใช้ปลายมีด งัดฝาขวดออก ทำให้เห็นคราบและตะกอนดำๆ เทน้ำออกมาก็มีสายของสีดำๆ

ขอเรียนตามตรงว่า สมาชิกปั่นป่วน มากเลยทีเดียว แม้แต่ผมเองก็ตกใจนะ แต่การตกใจนี่ ไม่ได้ห่วงบริษัทเพราะเชื่อว่า ผมไปเรียนกับคุณเพ็ญทิพย์มาแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า บริษัทจัดการกับปัญหานี้ได้
แต่ห่วงว่ายอดขายของทีม จะตก !!! ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ

ทีมงานทุกคนที่โทรเข้ามา ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็ถือว่า มีความกังวลกันอยู่ไม่น้อย

ใช่ครับ .. มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

บริษัทใช้เวลา ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในการให้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์นำสินค้าไปตรงพิสูจน์ ซึ่งเมื่อได้ผลออกมาแล้ว เราก็คุยกับรายการสนามข่าวให้เขาช่วยนำเสนอให้เราด้วย
(ผลการตรวจและเรื่องราวต่างๆ ดูได้อีกครั้งจากคลิป นะครับ)

ผลการตรวจผู้แถลงผลการตรวจสอบคือ นพ.อภิชัย มงคล ผอ.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สรุปว่า

1.ตะกอนที่พบในสารละลาย คือ ตะกอนของ ซิลเวอร์นาโนของเงิน และ นาโนของทองคำ และยังมีนาโนของสารอื่นที่ ผอ.กรมวิทย์เรียกว่ากรวดทราย (แต่สิ่งพวกเราทราบคือพลอย-อัญมณี) ตะกอนต่างๆที่พบ คือ ตะกอนที่อ้างว่ามีอยู่ในสารละลาย - ขยายความว่ามีสิ่งที่บริษัทบอกไว้ ซึ่งมารวมตัวกันเป็นตะกอน

2.น้ำแร่ที่ตรวจ ไม่มีเชื่อโรค หรือมีบ้างแต่น้อยไม่ทำให้เกิดอันตราย

หลังจากที่รายการสนามข่าว 7 สี ออกเรื่องนี้ไป กระแส hydro กลับมาร้อนแรงจนสมาชิก ขายกันแทบไม่ทัน ผมถือว่า เป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีส่วนช่วยผลักดันยอดขาย hydro ทะลุ 2 ล้านขวด ในที่สุด

ใครที่พบลูกค้า หรือ สมาชิกเก่าๆ แล้ว เขายังพูดเรื่องนี้ ขอความกรุณา ช่วยส่งเรื่องราวนี้ให้เขาก็แล้วกันนะครับ

รายการสนามข่าว 7 สี -"เปิดผลตรวจน้ำแร่หน้าเรียว" 
https://www.youtube.com/watch?v=O6xcsNMB9iU

 


........................................................................................
ชมภาพในงาน sol supremo & white night night party 2015-12-19
 
@@@@@@@@@@
เจ้าของ blog ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
Tel.083-1258400
Line ID: boonying
e-mail:boon_ying@hotmail.com
สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL
คลิ้กได้ที่



http://sol-real.blogspot.com/

http://therealidol.com/?boonying

https://plus.google.com/101842678374122095267/posts



วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

น้องแนท-ชุดรถตุ้กๆ ปิดปากทุกแรงเสียดทานด้วยใจ-เอาชนะทุกคำวิจารณ์

 


"ถ้ามึงได้รางวัล กูจะอัดคลิปกินขี้หมาโชว์เลยอ่ะ ชุดปัญญาอ่อน"

โพสต์นี้ ถ้าเป็นเรา คงเจ็บปวดไปลึกสุดใจ มันดูถูกกันแบบ สุดๆ จริงๆ...


เมื่อคืนวาน...ก่อนเข้านอน ผมดูข่าว น้องแน้ท- อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์  ตัวแทนสาวไทยบนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส ประจำปี 2015 และยังได้รับเสียงโหวตจากผู้ชมทั่วโลกมากจนติด 5 อันดับแรก !!!
นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับสาวน้อยคนนี้

แต่กว่าจะถึงจุดนั้น ผมว่าหลายๆคนก็คงไม่มีใครคิดว่าเธอจะทำได้สำเร็จ และ หลายๆ คนอาจจะขบขัน และอาจจะเกินเลยไปถึงการดูถูกดูแคลน กับ ชุดประจำชาติ รถตุ้กๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทีมงานคิดชุดนี้ให้เธอสวมใส่อวดชาวโลก เข้าไปได้ยังไง ....

ผมว่าถ้าผมเป็นเธอ ผมคงไม่กล้าใส่ ...

และในที่สุด ใจที่เด็ดเดี่ยวของเธอ บวกความกล้า และ ความมั่นใจ ก็ ช่วยให้เธอ เอาชนะ ทุกเสียงวิพากษ์-วิจารย์ ได้อย่าง น่ามหัศจรรย์

ผมมานั่ง นึกเปรียบเทียบ กับ พวกเราหลายๆ คน ที่ชีวิต เต็มไปด้วยแรงเสียดทาน การต่อต้าน ความไม่เห็นด้วย และ การดูถูกเหยียดหยาม ในสิ่งที่เรากำลังจะทำ หรือ ทำไปแล้ว ก็ ตามที

หลายๆคนก็ต่อสู้ จนประสพความสำเร็จ และ อีกหลายๆคน ก็ สู้แรงต่อต้านไม่ไหว ล้มเลิกไป

 

เวลาเกือบเที่ยงคืน ของเมื่อวานนี้ DD -หมี  ธีร์รัฐ อัครรัตน์พรกุล ไลน์มาให้พูดที่เซ็นเตอร์ w-district วันอังคาร ผมก็ คิดว่า น่าจะพูดเรื่องนี้เพราะอาจจะตรงกับใครหลายคน รวมทั้งตัวผมเองด้วย ที่ต้องเผชิญกับการต่อต้านคัดค้าน และ ไม่สนับสนุน

 

แล้วผมถามว่า .. ตัวเราจะเอายังไงดี

 

เรามีแค่ 2 ทางเลือกนะครับ

1.ล้มเลิก...แล้วกลับไปเป็น คนเดิม-แบบเดิม พออยู่-พอกิน, มีน้อย-ใช้น้อย

หรือ

2.ลุยสุดๆ ...ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา ตั้งใจทำให้ดีที่สุด


หลังจากวันนี้แล้ว คงไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยเรื่องชุดรถตุ้กๆ ของเธออีก
และ ต่อไปนี้ก็คงไม่มีใครว่าอะไรเธอได้อีก

เธอคือผู้ชนะอย่างแท้จริง

 

@@@ใครจะเลือกทางไหน ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับ

แต่ผม...เลือกทางเดียวกับที่น้องแน้ท ครับ@@@


แล้วดูชีวิตไอ้คนที่ไปโพสต์ดูถูกเธอ


เวลา ว่าเขา เสียๆ หายๆ / แล้วรับผิดชอบอะไรบ้าง




@@@สำหรับพวกเราทุกคนนะครับ - ถ้าเป้าหมายเราชัดเจน@@@
ก็ขอให้เดินหน้า ทำมันให้ประสพความสำเร็จนะครับ




ชมภาพในงาน sol supremo & white night night party 2015-12-19


@@@@@@@@@@

เจ้าของ blog ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
Tel.083-1258400
Line ID: boonying
e-mail:boon_ying@hotmail.com
สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL
คลิ้กได้ที่


http://sol-real.blogspot.com/
http://therealidol.com/?boonying
https://www.facebook.com/BOONYING0831258400/?ref=hl

https://plus.google.com/u/0/101842678374122095267/posts







 












วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เศรษฐกิจ-ธุรกิจ ทรุด !!! .. วิกฤติหรือโอกาส - ของคุณ

เศรษฐกิจ-ธุรกิจ ทรุด !!! .. วิกฤติหรือโอกาส

@@ มีน้องที่รู้จักกันมาช่วยนาน โทรมาขอให้ช่วยหางานให้เพื่อนหน่อย ตอนนี้รายได้เดือนละ 300,000 บาท ชีวิตไม่มั่นคงมากๆ เลย ผมได้ยินชัด แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยถามกลับว่า เงินเดือนไหร่นะ ที่ว่าชีวิตไม่มั่นคง คนโทรมายินยันว่า รายได้เดือนละ 300,000 บาท ... อัยย่ะ!!!

เขาเล่าว่า เพื่อนถูกซื้อตัวมาจากบริษัทฝรั่ง เขาให้เงินเดือนแพง เพราะเป็นคนมีความสามารถสูง ปัจจุบันถูกกดดันให้เร่งทำยอดสูงถึงเดือนละ 10 ล้าน ซึ่งเป็นงานหนัก ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และ ที่สำคัญคือ ลูก 3 คนเรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯ ค่าเรียนแสนแพง

@@ อีกคนนึง เป็นพี่สาวของน้องในโรงพยาบาล เขาเล่าว่า พี่สาวเป็นหัวหน้าแผนกบัญชี เงินเดือนสูง อยู่กับบริษัทมาเกือบ 20 ปี ปัจจุบัน นายจ้างขอลดค่าตำแหน่ง ลดสวสัดิการ และ ให้รุ่นน้องมาเป็นหัวหน้าแทน แถมให้สอนงานรุ่นน้องให้หมด สถานการณ์กดดันมากๆ ..นี่ก็เป็นอีกคนนึง ที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ใช่ครับ ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ใครๆก็คงลำบาก .. 2 รายนี้ถือว่า เป็นตัวอย่าง ผมยังช่วยทั้ง 2 คนที่ปรึกษาไม่ได้ แต่ให้คำแนะนำไปแล้ว

ใช่ครับ .. ในเวลาเดียวกันที่มีคนลำบาก คนที่ทำธุรกิจเสริม หารายได้เพิ่ม หรือคนที่วิ่งสู้ฟัดก็คงประคองตัวรอดหรือยืนอยู่ได้

เมื่อวัน เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ผมกลับได้เห็น คนที่ประสพความสำเร็จ มีรายได้เพิ่มขึ้นหลายคน และ พวกเขายังช่วยให้เพื่อนร่วมงานมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย .. ใช่ครับ พวกเขาคือเพื่อนๆ ที่ร่วมทำธุรกิจกับ บริษัท SOL กับผม ทั้งทีมงานผมเองและ เพื่อนร่วมอาชีพจากสายงานอื่น

ผมขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ ที่ ประสพความสำเร็จ และ ยังมีรายได้ดี ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
ขอให้กำลังใจ คนที่กำลังเดินหน้าเก็บเกี่ยวความสำเร็จต่อเนื่องต่อไป

และ ขอชื่นชมบริษัท SOL ที่ยืนเป็นเสาหลักหรือต้นไม้ใหญ่ ให้สมาชิกได้บอกต่อเกี่ยวกับเรื่องราวดีๆ ทั้งสุขภาพและความงามรวมทั้ง จัดกิจกรรมต่างๆ ทำให้นักธุรกิจอย่างพวกเรามีความสุข

สำหรับเพื่อนๆ สมาชิก SOL  แล้ว ผมคิดว่า ในสภาวะที่ทุกๆ คนกำลังลังบาก ผมกลับมองว่า นี่เป็นโอกาสดีนะครับ ที่เราจะไปเล่าเรื่องราวดีๆ ให้กับคนที่กำลังต้องการรายได้เพิ่มขึ้น และชวนเขามาร่วมธุรกิจบนเส้นทางที่ดีมากๆ กับพวกเรา

โดยเฉพาะตอนนี้บริษัทเปิดให้สมัครสมาชิกฟรีอีกด้วย .. คงไม่มีโอกาสไหน จะดีกว่านี้อีกแล้ว


 
 
ชมภาพในงาน supremo & white night night party 2015-12-19


สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL
คลิ้กได้ที่

........................................................
ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม

Tel.083-1258400

Line ID: boonying
e-mail:boon_ying@hotmail.com
 





วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

"การแพทย์-ความงาม" แชมป์ธุรกิจดาวเด่น 5 ปีซ้อน

"การแพทย์-ความงาม" รั้งแชมป์ธุรกิจดาวเด่น 5 ปีซ้อน ตามด้วยสื่อสาร ส่วนหัตถกรรม-ฟอกย้อม-สิ่งทอ ยังเป็นดาวดับ
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการจัดอันดับ 10 ธุรกิจเด่นในปี 2559 ประเมินจากยอดขาย ต้นทุน การรับมือกับความเสี่ยง กำไร และกระแสความต้องการของตลาด ว่า ธุรกิจทางการแพทย์และความงาม ยังครองอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นับตั้งแต่ปี 2554 จากกระแสการให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพและการดูแลความงาม และไทยได้รับการยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ ในด้านคุณภาพและราคาไม่แพง
อันดับ 2 ธุรกิจเทคโนโลยีสื่อสาร เนื่องจากการเข้าสู่ยุค Digital Economy และ 4G ทำให้มีการพัฒนาระบบสื่อสารที่เพิ่มสูงขึ้น อันดับ 3 ธุรกิจเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว อันดับ 4 ธุรกิจการท่องเที่ยว อันดับ 5 ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต อันดับ 6 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอันดับ 7 ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์
อันดับ 8 มี 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจัดการตลาด เช่นตลาดนัดและตลาดสด ตลาดนัดกลางคืน และธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างและธุรกิจก่อสร้าง อันดับ 9 มี 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายและผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ และธุรกิจยา เวชภัณฑ์ และสมุนไพรธรรมชาติ และอับดับ 10 มี 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน
สำหรับ 10 อันดับธุรกิจดาวร่วงปี 2559 ประกอบด้วย 1.ธุรกิจหัตถกรรม 2.ธุรกิจฟอกย้อม 3.สิ่งทอผ้าผืน 4.ธุรกิจจำหน่าย ผักและผลไม่อบเเห้ง และธุรกิจร้านค้าดั้งเดิมที่ไม่ปรับตัว 5.กิจรับซื้อยาง 6.โรงสีขนาดเล็ก 7.ธุรกิจสิ่งพิมพ์ หนังสือ 8.ธุรกิจรับซื้อคอมพิวเตอร์มือสองและร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือสอง 9.ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องจักรทางการเกษตร และ 10.ธุรกิจพ่อค้าคนกลางให้ผลทางการเกษตร.

http://www.posttoday.com/biz/news/405406

สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL 
คลิ้กได้ที่
.........................................................................................
ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
Tel.083-1258400
Line ID: boonying

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

beta GC - beta glucan - เบต้า จีซี

beta GC - beta glucan - เบต้า จีซี

เบต้ากลูแคน beta glucan คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แพร่หลายมากในปัจจุบัน ในประเทศไทยเองก็มี เบต้ากลูแคนจำหน่ายอยู่หลายยี่ห้อ ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า เจ้า เบต้ากลูแคนคืออะไร และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร? .. 

-beta glucan คือ สารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่สกัดได้จากสารตั้งต้น เช่น จากยีสต์ขนมปัง จากบริวเวอร์ยีสต์ จากเห็ดชิตาเกะ จากเห็ดหลินจือ จากเห็ดไมตาเกะ จากแบคทีเรีย จากสาหร่าย จากรำข้าวสาลี หรือจากรำข้าวโอ๊ต เป็นต้น (แต่ไม่พบในสัตว์) ..
เบต้ากลูแคน ประกอบ ด้วยโมเลกุลของน้ำตาลกลูโคสมาเรียงต่อกันในลักษณะต่างๆกันตามแต่ชนิดของสารตั้งต้น ดังนั้นคำว่า เบต้ากลูแคน Beta Glucan จึงเป็นคำเรียกรวมของสารประเภทนี้ เนื่องจากโครงสร้างที่ต่างกันจึงทำให้มีคุณสมบัติที่ต่างไปกันด้วย ในการนำไปใช้เราจึงต้องทราบว่า -beta glucan นั้นมาจากสารตั้งต้นชนิดใด..
Beta Glucan ดีจริงหรือสรรพคุณ
ขอท้าวความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สักเล็กน้อย ก่อนที่จะมีการใช้เพนนิซิลลินอย่างแพร่หลาย (ค.ศ.1945) มีการใช้สารสกัดจากผนังเซลล์ของยีสต์ขนมปังมีชื่อเรียกกันว่า ไซโมซาน (Zymosan) กันอย่างแพร่หลายในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ในการป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ รวมทั้งใช้รักษาโรคมะเร็งด้วย เนื่องจากสมัยนั้นแม้แต่การเป็นหวัดธรรมดาก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง [เป็นที่มาของคำว่า God Bless You (ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง) ที่พูดเวลามีคนจาม] การวิจัยในปีค.ศ.1968 ได้พบว่าสารสำคัญในไซโมซานก็คือเบต้ากลูแคนนั่นเอง และการใช้เบต้ากลูแคนบริสุทธิ์ที่สกัดจากไซโมซานกับผู้ป่วยมะเร็งในปีค.ศ. 1975
ได้จุดประกายการศึกษา เบต้ากลูแคน อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ จึงเริ่มมีผู้ศึกษาเบต้ากลูแคนที่ได้จากแหล่งอื่นๆ ทั้งจากแหล่งที่เป็นอาหาร (เห็ดกินได้ รำข้าวบาร์เลย์ สาหร่าย ฯลฯ) และไม่ได้เป็นอาหาร (ยีสต์ดำ แบคทีเรีย สาหร่าย ฯลฯ) เพื่อหาเบต้ากลูแคนที่ดีที่สุด
อีกการศึกษาหนึ่งที่น่าสนใจในช่วงปลายศตวรรษที่ผ่านมา โดยหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของประเทศสหรัฐอเมริกา [ในนามขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติคเหนือ (NATO)] ได้ทำการศึกษาหาสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารธรรมชาติต่างๆกว่า 300 ชนิด พบว่าเบต้ากลูแคนมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี 
นอกจากนี้การศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ที่เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการเสริมภูมิกันที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในด้านต่างๆ


 เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการกินสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาว การสร้างสารในการย่อยสลายสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาว และประสิทธิภาพในการปรับสมดุลภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติให้กลับสู่สมดุลปกติ ซึ่งพบว่าเบต้ากลูแคนที่ผลิตจากสารตั้งต้นต่างกันจะให้ประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้นผู้ใช้จึงต้องมีความเข้าใจในการเลือกใช้เบต้ากลูแคนอย่างเหมาะสมด้วย
สนใจเรื่องเบต้า จีซี - ติดตามได้ที่  http://polyherb.co.th/imgadmins/download_file_th/POLYHERB_file_download_th_2014-07-12_14-15_39.pdf

BETA GC

BIO-NATURAL INGREDIENTS

อาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกาย ประกอบด้วย β-Glucan จากยีสต์ดำและถั่งเช่าหิมะ ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่ให้คุณประโยชน์ต่อ ระบบหลอดเลือด ควบคุมการไหลเวียน และความดันโลหิต เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจในการดูดซึมออกซิเจน ส่งผลดีต่อร่างกาย โดยรวมทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
วิธีใช้
รับประทานก่อนอาหารเช้า-เย็น ประมาณครึ่งชั่วโมง ครั้งละ 1-2 แคปซูล


สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL 
คลิ้กได้ที่
.........................................................................................
ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
Tel.083-1258400
Line ID: boonying

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ตอนที่ 3 "มะเร็งมีกี่ระยะ - วิธีรักษามะเร็ง"

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง

ในตอนนี้ผมขอนำเสนอเรื่องมะเร็ง ที่เป็นอันตรายลำดับต้นๆ
ของสถิติการเสียชีวิตของชาวไทยและชาวโลกนะครับ

โรคมะเร็งมีกี่ระยะ

โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ซึ่งทั้ง 4 ระยะ อาจแบ่งย่อยได้อีกเป็น เอ (A) บี (B) หรือ ซี (C) หรือ เป็น หนึ่ง หรือ สอง เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้ช่วยประเมินการรักษา ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะเซลล์แค่เริ่มมีลักษณะเป็นมะเร็งแต่ยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง
  • ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดเล็ก และยังไม่ลุกลาม
  • ระยะที่ 2 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ
  • ระยะที่ 3 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง และลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
  • ระยะที่ 4 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดโตมาก และ (หรือ) ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง จนทะลุ และ (หรือ) เข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้ำเหลืองโตคลำได้ และ (หรือ) มีหลายต่อม และ (หรือ) แพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต และ (หรือ) หลอดน้ำเหลืองหรือกระแสน้ำเหลือง ไปยังเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ในช่องอก และ (หรือ) ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า 

วิธีรักษาโรคมะเร็งทำได้อย่างไร

ในปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งมีหลายวิธี ได้แก่ ผ่าตัด รังสีรักษา ยาเคมีบำบัด ยาฮอร์โมน ยารักษาตรงเป้า รังสีร่วมรักษา และการรักษาประคับประคองตามอาการด้วยอายุรกรรมทั่วไป โดยผู้ป่วยแต่ละคนจะใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป บางรายอาจใช้วิธีรักษาเพียงวิธีเดียว บางรายจะต้องใช้วิธีการรักษาหลายวิธีร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ
  • ระยะของโรค
  • ชนิดของเซลล์มะเร็ง
  • บริเวณของเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่มะเร็ง
  • ผ่าตัดได้หรือไม่ หลังผ่าตัด ยังคงหลงเหลือก้อนมะเร็งหรือไม่
  • ผลพยาธิวิทยาชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดเป็นอย่างไร
  • อายุของผู้ป่วย
  • สุขภาพของผู้ป่วย



อ้างอิง
http://www.phukethospital.com/Thai/Health-Information/Cancer.php

...................................................................................

สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL
คลิ้กได้ที่
.........................................................................................
ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
Tel.083-1258400
Line ID: boonying

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ตอนที่ 2 "สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกำลังมาเยือน"

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง

ในตอนนี้ผมขอนำเสนอเรื่องมะเร็ง ที่เป็นอันตรายลำดับต้นๆ
ของสถิติการเสียชีวิตของชาวไทยและชาวโลกนะครับ

"สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกำลังมาเยือน"

ร่างกายของมนุษย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คุณต้องหมั่นสังเกตุและตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทันทีที่รู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าโรคร้ายอย่างมะเร็งกำลังมาเยือน และสิ่งที่ดีที่สุดในการปัองกันไม่ให้ปัญหาเล็กๆ ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่และสายเกินกว่าจะรักษา คือการรีบไปพบแพทย์ทันทีเมื่อเกิดอาการดังต่อไปนี้
  • มีก้อนเนื้อโตเร็วหรือมีแผลเรื้อรัง และไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากการดูแลตนเองในเบื้องต้น
  • มีต่อมน้ำเหลืองโต มักคลำเจอก้อนแข็งและขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีอาการเจ็บ
  • ไฝ ปาน หูด ที่โตเร็วผิดปกติหรือเป็นแผลแตก
  • ลมหายใจมีกลิ่น หรือ มีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
  • เลือดกำเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงข้างเดียว ในบางกรณีก็อาจจะออกทั้งสองข้างได้
  • ไอเรื้อรัง หรือ ไอเป็นเลือด
  • มีเสมหะ หรือ น้ำลายปนเลือดบ่อย
  • อาเจียนเป็นเลือด
  • ปัสสาวะเป็นเลือด
  • ปัสสาวะบ่อย ขัดลำ ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
  • อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือ เป็นมูกเลือด
  • ท้องผูก สลับท้องเสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
  • หลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ
  • มีประจำเดือนผิดปกติ
  • มีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือน
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นอึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
  • มีไข้ต่ำๆ หาสาเหตุไม่ได้
  • มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้
  • น้ำหนักลดลงมากใน 6 เดือน (ตั้งแต่ 10% ขึ้นไปของน้ำหนักตัวเดิม)
  • มีจ้ำห้อเลือดง่าย หรือ มีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย
  • ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือ แขน/ขาอ่อนแรง
  • ชักโดยไม่เคยชักมาก่อน
  • ปวดหลังเรื้อรังและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ อาจร่วมกับอาการแขน/ขาอ่อนแรง

 

อ้างอิง
http://www.phukethospital.com/Thai/Health-Information/Cancer.php

...................................................................................
สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL
คลิ้กได้ที่
.........................................................................................
ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
Tel.083-1258400
Line ID: boonying


ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ตอนที่ 1 "เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงต่างจากมะเร็ง อย่างไร"

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคมะเร็ง

ในตอนนี้ผมขอนำเสนอเรื่องมะเร็ง ที่เป็นอันตรายลำดับต้นๆ
ของสถิติการเสียชีวิตของชาวไทยและชาวโลกนะครับ

มะเร็ง คืออะไร

มะเร็งเป็นโรคที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก และจะพบได้สูงในผู้ป่วยที่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

"มะเร็ง" หรือทางการแพทย์เรียกว่า "เนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย" เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญของเซลล์ที่มีความผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้อร้าย และรุกรานไปยังอวัยวะส่วนข้างเคียง หรือแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายที่อยู่ห่างไกล ผ่านระบบน้ำเหลืองหรือกระแสเลือด

เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงต่างจากมะเร็ง อย่างไร

ไม่ใช่ว่าเนื้องอกทุกชนิดจะต้องเป็นมะเร็ง "เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง" (Benign tumor) เป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง เพราะเซลล์ของเนื้องอกชนิดนี้จะแบ่งตัวช้า และไม่ค่อยมีการแทรกตัวเข้าไประหว่างเซลล์ปกติ ไม่ค่อยมีการทำลายเซลล์ปกติใกล้เคียง และไม่สามารถแทรกตัวทะลุเข้าไปในหลอดน้ำเหลืองและหลอดเลือดได้ จึงทำให้ไม่มีโอกาสที่เซลล์เนื้องอกจะแพร่กระจายไปเติบโตเป็นก้อนเนื้อที่อวัยวะส่วนอื่นที่อยู่ไกลออกไปได้ เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงสามารถผ่าตัดรักษาให้หายขาดได้


ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง

  • มีพันธุกรรมผิดปกติ เป็นได้ทั้งพันธุกรรมที่ถ่ายทอดได้ หรือ พันธุกรรมชนิดไม่ถ่ายทอด
  • สูบบุหรี่
  • ดื่มสุรา
  • ขาดสารอาหาร
  • ขาดการกินผัก และผลไม้
  • กินอาหารไขมัน และ/หรือ เนื้อแดงสูงต่อเนื่อง เป็นประจำ
  • การสูดดมสารพิษบางชนิดเรื้อรัง เช่น สารพิษในควันบุหรี่ (สารก่อมะเร็ง หรือ สัมผัสสารก่อมะเร็ง อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปริมาณสูง
  • ร่างกายได้รับโลหะหนักเรื้อรังจาก การหายใจ อาหาร และ/หรือ น้ำดื่ม เช่น สารปรอท
  • ติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัส เอชไอวี (HIV) ไวรัส เอชพีวี (HPV)
  • ติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น เชื้อเอชไพโลริในกระเพาะอาหาร (โรคติดเชื้อเอชไพโลไร)
  • ติดเชื้อพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิใบไม้ตับ
  • การใช้ยาฮอร์โมนเพศต่อเนื่อง
  • อายุมาก เพราะเซลล์ผู้สูงอายุมีการเสื่อม และการซ่อมแซมต่อเนื่อง จึงเป็นสาเหตุให้เซลล์กลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์มะเร็งได้

  •  

     


    อ้างอิง
    http://www.phukethospital.com/Thai/Health-Information/Cancer.php
    ......................................................................................
    สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL
    คลิ้กได้ที่
    .........................................................................................
    ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
    Tel.083-1258400
    Line ID: boonying



    วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    ถ้าไม่รู้จักอาหารเสริม.. ความตายอาจครอบงำคุณ


    ถ้าไม่รู้จักอาหารเสริม.. ความตายอาจครอบงำคุณ

    เรื่องราวจาก   http://therealidol.com/?boonying
     

    " ... ถ้าไม่รู้จักอาหารเสริม.. ความตายอาจครอบงำคุณ หนังสือเรื่องนี้คือ เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริมบำบัดโรค ความตาย อาจกำลังครอบงำคุณ "
     
    เรื่องที่จริงซ๊อกโลก ความตายที่มากับยา…ใบสั่งยาอาจฆ่าคุณ ... นพ.เรย์ ดี สแตรนด์ (Ray D. Strand, M.D.) แพทย์ผู้เชียวชาญ และผู้แต่งหนังสือ เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริม ความตายอาจ กำลังครอบงำคุณ และ ใบสั่งยา อาจฆ่าคุณ ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี พบว่าคุณประโยชน์ของ "สารอาหารบำบัด" ที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพต่างๆ
     
    คือ ทำไมต้องทานอาหารเสริม ทุกวันนี้คนเราเจอกับมลภาวะตั้งแต่ อากาศที่หายใจ อาหารที่รับประทาน น้ำที่ดื่มทุกวัน ก่อให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระสะสมในร่างกายเป็นประจำทุกวันแบบไม่รู้ตัว หนำซ้ำอาวุธที่มนุษย์มีไว้ต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติก็ร่อยหรอลงไปทุกที
    -จะหาผักผลไม้ปลอดสารพิษได้จากที่ไหน?
    -แร่ธาตุในดินที่ลดลงไปเรื่อยๆ จะทำให้ผลไม้มีคุณค่าเพียงพอได้อีกกี่ปี?
    -เศรษฐกิจซบเงินซื้อผลไม้ก็ดูจะกลายเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับบางครอบครัว
     
    หลากหลายปัญหาที่ทำให้มนุษย์เป็นโรคเสื่อม ทั้งเกิดจากภายนอกและจากภายในคือความเครียดจากการทำงานก็ก่อให้เกิดปัญหากับ ระบบร่างกายเช่นเดียวกัน วันนี้อาจจะยังแข็งแรงอยู่ แต่ทุกอย่างมันกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ในร่างกายของคุณนั่นเอง
     
    เมื่อใดเม็ดเลือดขาวแพ้ เมื่อนั้นก็จะแสดงอาการออกมา สารอาหารบำบัดหรือที่ในบ้านเราเรียก กันว่า "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร" นั้นดูหลายคนจะขยาดและอยากวิ่งหนีเมื่อได้ยินคำนี้เพราะทราบว่าต้องเสีย เงิน...
     
    จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันและแก้ไขเราจากโรคเสื่อมต่างๆ ที่มีอันดับการตายเป็นอันดับ 1 - 10 อยู่ทุกๆ ปี เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, โรคไขข้อ, โรคหลอดเลือดอุดตัน, โรคเบาหวาน ฯลฯ อีกสารพัด
     
    สาเหตุหลักที่เกิดโรคพวกนี้ขึ้นก็เพราะ "เซลอ่อนแอ" หรือ "เซลขาดอ็อกซิเจน" เพราะสู้รบกับอนุมูลอิสระไม่ไหวนั่นเอง จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องมอง "สารอาหารบำบัด" เพื่อป้องกันโรคเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกาย
     
    ทำไมต้องใช้สารอาหารบำบัด ? นพ.เรย์ ดี สแตรนด์ (Ray D. Strand, M.D.) แพทย์ผู้เชียวชาญ และผู้แต่งหนังสือ เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริม ความตายอาจ กำลังครอบงำคุณ และ ใบสั่งยา อาจฆ่าคุณ ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี พบว่าคุณประโยชน์ของ "สารอาหารบำบัด" ที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพต่างๆ คือ
     
    1. เพิ่มภูมิต้านทานโรค
    2. เพิ่มศักยภาพให้ Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสื่อม ความชรา และมะเร็ง
    3. ลด ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคลมปัจจุบัน มะเร็ง ข้ออักเสบ ความเสื่อม ต้อกระจก อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ภูมิแพ้ หืด โรคปอด โรคจากความเสื่อมเรื้อรัง
    4. ช่วยรักษาโรคที่มีความเสื่อมเริ้อรัง
     
    จากข้อมูลในหนังสือของคุณหมอเรย์ ดี สแตรนด์ ได้มีข้อมูลยืนยันว่า นักศึกษาแพทย์ได้เรียนทางด้านโภชนาการ หรือเรื่องสารอาหารน้อยมาก แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น จากการเรียนแพทย์ถึง 6 ปี ส่วนใหญ่จะเรียนแต่เรื่องยากับการผ่าตัด ดังนั้นคุณหมอ 95% ในโลกนี้จะไม่มีความรู้เรื่องของอาหารเสริมเลย และจะบอกกับท่านว่า "ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็พอแล้ว"
     
    ส่วนเหตุผลที่ควรจะทาน ให้ตอบคำถามเหล่านี้ดู ถ้า...คุณตอบว่า ใช่...! ในข้อใดข้อหนึ่ง คุณสมควรทาน "สารบำบัด"
    1. คุณไม่ได้กินอาหารดีๆ มีประโยชน์ทุกมื้อ เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก และผลไม้สดอินทรีย์ (ไร้สารพิษ 100%) เต้าหู้ สาหร่ายทะเล ปลา และอาหารทะเลไร้สารพิษ เป็นต้น
    2. คุณไม่ได้ทานผักครบ 5 สีทุกมื้อ หรือทานผักผลไม้ครบ 2 กิโลกรัมทุกวัน (หรือ 80% ใน 1 วัน)
    3. คุณทานอาหารเป็นประเภททอด ปิ้ง ย่าง ผัด เป็นส่วนใหญ่ และใช้ความร้อนกับน้ำมันพืชเกิน 60 องศาเซลเซียส (ก่อให้ เกิดอนุมูลอิสระมหาศาลตั้งแต่กระบวนการทำอาหาร จนถึงรับประทานเข้าไป)
    4. คุณไม่ได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป
    5. คุณอยากมี "สุขภาพดี 120 ปี ไม่มีป่วย" หรืออยากมีสุขภาพดี ดูดี อ่อนกว่าวัย 10 - 30 ปี
    6. คุณไม่อยากเป็นเหมือนคนทั่วไป ที่มีความเจ็บป่วย พิการ
     
    ดูเหมือนเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น * อายุ 40 ปี เริ่มมีโรค เริ่มพบแพทย์ * อายุ 50 ปี มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องกินยาตลอดชีวิต * อายุ 60 ปี ต้องนอนโรงพยาบาล เป็นมะเร็ง หรือผ่าตัด เสียเงินอีกหลายแสนบาท * อายุ 70 ปี ต้องนอนโรงพยาบาลนาน 2 - 3 เดือน หรือนอน ICU * อายุ 80 ปี พิการ อัมพาต นอนบนเตียงตลอดชีวิต หรือตาย
     
    จริงๆ แล้วคุณสามารถป้องกันได้ทั้งหมด ด้วยการดูแลเซลให้แข็งแรงอยู่เสมอ กระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้คอยต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้ส่วนไหนของร่างกายอ่อนแอ
     
    แต่จะทำได้ "สารอาหารบำบัด" จึงจำเป็น เหตุผลในการเลือกกินผลิตภัณฑ์ "สารอาหารบำบัด" ของคนทั่วไป 5 อันดับแรก
    1. ดีต่อสุขภาพ 25.5 %
    2. แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย 24.0 %
    3. มีภูมิต้านทานโรค 12.5 %
    4. มีประโยชน์ต่อร่างกาย 9.0 %
    5. ไม่อยากอ้วน/ควบคุมน้ำหนัก 4.0 %
    การรักษาผู้ป่วยด้วยอาหารเสริมได้ผลดีในสหรัฐอเมริกา
     
    นายแพทย์ เรย์ ดี.แสตรนด์ เป็นแพทย์ชาวสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้คุณหมอเรย์ ก็เหมือนหมอทั่วไป ที่ไม่เชื่อถือในคุณประโยชน์ของอาหารเสริม เมื่อคนป่วยมาถามว่า สมควรกินอาหารเสริมหรือไม่ คุณหมอเรย์ ก็ตอบอย่างไม่ลังเลว่า อย่ากินเลย เสียเงินเปล่าๆ อาหารที่เรากินเข้าไปทุกวันก็มีสารอาหารมากพอแล้ว ต่อมาคุณลิซ ภรรยาของคุณหมอเรย์ ล้มป่วยด้วยโรค เนื้อเยื่อแข็ง หรือ Fibromyalgia อาการที่คุณลิซเป็นคือ เหนื่อยมาก จนไม่สามารถแม้จะก้าวขาเดิน เจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งภูมิแพ้ ไซนัส และปอดก็ติดเชื้อด้วย คุณหมอเรย์ ได้ ระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษาคุณลิซ ซึ่งเป็นภรรยาสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า อาการของคุณลิซ ยิ่งทรุดลงเรื่อยๆ ถึงขนาดลุกห่างจากเตียงไม่ได้ อาการหอบและภูมิแพ้ยิ่งกำเริบหนักมากยิ่งขึ้น ความพยายามของคุณหมอเรย์ ผู้เป็นสามีถึงทางตัน ไม่มีทางเยียวยารักษาคุณลิซ ผู้ภรรยาได้อีกแล้ว
     
    โชคดี เพื่อนบ้านได้มาเยี่ยม และได้แนะนำคุณลิซ ให้รับประทานอาหารเสริม คุณลิซก็หมดหนทางแล้ว จึงปรึกษาคุณหมอเรย์ ผู้สามีว่า สมควรรับประทานอาหารเสริมดังกล่าวหรือไม่ คุณหมอเรย์ ซึ่งไม่เคยเชื่อถืออาหารเสริมมาก่อนได้บอกกับภรรยาว่า จะกินก็กินไปเถอะ เพราะไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้แล้ว คุณลิซผู้ภรรยาได้ เริ่มกินอาหารเสริม ซึ่งระบุว่า มีสารอาหารประเภทวิตามินต่างๆ และ เบต้าแคโรทีน น่าประหลาดใจ หลังจากที่คุณลิซกินอาหารเสริมดังกล่าวเพียง 3 วัน อาการก็เริ่มดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ
     
    ปรากฎการณ์ดังกล่าว สร้างความดีใจและสร้างความสับสนให้คุณหมอเรย์ ผู้สามีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะเขาไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยว่า อาหารเสริมจะมีคุณค่าทำให้คนป่วยหายป่วยได้ ในฐานะที่เป็นแพทย์ คุณหมอเรย์ ยัง ไม่ปักใจเชื่อในคุณค่าอาหารเสริม เขาจึงโทรศัพท์ไปหาคนป่วยที่เขาเคยรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่รักษาไม่หาย ให้กลับมารักษาใหม่ ซึ่งคนไข้ก็กลับมารับการรักษาใหม่
     
    ในการรักษารอบใหม่ คุณหมอเรย์ ได้ ให้อาหารเสริมกับคนไข้ทุกคน ผลปรากฎว่า คนไข้ที่เคยรักษาไม่หาย แต่เมื่อให้อาหารเสริมควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน อาการของคนไข้ทุกคนดีขึ้น จนถึงหายจากอาการป่วยไข้ที่เป็นมาแรมปี
     
    เมื่อได้ข้อสรุปว่า อาหารเสริมสามารถช่วยคนป่วยให้หายป่วยได้จริงๆ คุณหมอเรย์ จึง เริ่มศึกษา ค้นคว้า ทดลอง หาสารอาหารที่อยู่ในอาหารเสริมว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับสุขภาพของคนเราอย่างไร อย่างจริงจัง โดยใช้เวลาในการศึกษาวิจัยถึง 7 ปี
     
    ในที่สุดก็ได้พบว่า อาหารเสริมที่สกัดจากพืชหรือสัตว์โดยปราศจากเคมี จะช่วยให้ผู้ป่วยหายป่วยได้จริง และคนปกติหากรับประทานอาหารเสริมเป็นประจำ ก็จะทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เกิดการเจ็บป่วยง่ายๆ คุณหมอเรย์ จึงสรุปว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารสูง จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
     
    1. เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายต่อสู้กับโรคหรือเชื้อโรคต่างๆ ได้
     2. เพิ่มศักยภาพให้กับระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ
    3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
    4. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคลมปัจจุบัน
     5. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
    6. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อต่ออักเสบ ความเสื่อมเฉพาะจุด และโรคต้อกระจก
     7. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ พากินสัน หอบหืด ปอด และโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะ ชนิดเรื้อรังอื่นๆ
    8. พัฒนาการรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     
    ขอขอบคุณเรื่องราวแบบย่อๆ ของคุณหมอเรย์ ดังกล่าว ปรากฎอยู่ในหนังสือชื่อ "เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริมบำบัดโรค....ความตายอาจ...กำลังครอบงำคุณ"
     
    เนื้อหาในหนังสือทั้งหมดเขียนโดย คุณหมอเรย์
    และแปลเป็นภาษาไทย โดย พรหมพัฒณ ธรรมะรัตน์จินดา
    ให้คำปรึกษาทางการแพทย์โดย นายแพทย์ยรรยงค์ ศรัทธาสิริ




    .........................................................................................................................................................
    สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL
    คลิ้กได้ที่
    .........................................................................................................................................................
    ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
    Tel.083-1258400
    Line ID: boonying
                   
     

    วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย

    ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย

    มาเติมอาหารให้สมองกัน

    ผู้ชายคนนึง
    พอตื่นขึ้นมา เขาก็เปิดถังขยะ เอาขยะมาถูๆ ตัว
    เท่านั้นยังไม่พอ เขาเดินตรงไปที่ท่อระบายน้ำ
    เปิดฝาท่อ แล้วตักเอาน้ำเน่าในนั้นมาอาบ
    เสร็จแล้วเขาก็ออกไปทำงาน

    กลางวันเขารู้สึกตัวแห้งๆ ยังไม่รู้
    ก็เลยหาน้ำถูพื้นของแม่บ้านมาราดตัวให้ชุ่ม
    ตกเย็นกลับมาบ้าน
    พอใกล้จะนอน เขายังเอาน้ำเน่าที่เหลือเมื่อเช้ามารดตัวอีกครั้ง
    ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับความสงสัยทุกคืนว่า
    "เมื่อไหร่ตัวข้าจะหอมซะทีวะ?"

    ครับ! เป็นใครก็ต้องคิดว่าไอ้หมอนี่ท่าจะบ้า

    ชายคนที่ผมพูดถึงไม่มีตัวตนจริงๆ หรอกครับ
    แต่ถ้าผมจะบอกว่า
    เราหลายคนอาจเผลอทำพฤติกรรมคล้ายๆ ผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว
    อ่ะจิงดิ?

    เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปิดดูข่าวร้ายๆ ลบๆ ในทีวี
    นั่งจิบกาแฟหน้าหนังสือพิมพ์ที่พาดข่าวอาชญากรรม
    ขึ้นรถเปิดวิทยุ คนจัดรายการประโคมข่าวเศรษฐกิจแย่ๆ ให้ฟัง
    กลางวันเรานั่งนินทาเจ้านายกับเพื่อนร่วมงาน

    กลับบ้านมา เราก็หลับไปพร้อมกับละครตบตีกัน
    ที่วันๆ ตัวละครไม่ต้องทำงาน คิดแต่เรื่องแย่งสามีชาวบ้าน
    แล้วเราก็ได้นอนสงสัยว่า
    "ทำไมไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้างวะ?"

    ครับ! ก็ไม่รู้สินะ ชีวิตมันจะดีได้ไง
    ในเมื่อเราเอาแต่ของแย่ๆ พลังงานลบๆ เข้าไปในความคิด

    จากประสบการณ์ตรงของผม
    "ชั่วโมงแรก" กับ "ชั่วโมงสุดท้าย" ของวันนั้น
    เป็นอะไรที่สำคัญมาก
    ชั่วโมงแรกจะเป็นดังหางเสือที่กำหนดอารมณ์ของวันนั้น
    ชั่วโมงสุดท้ายจะเป็นตัวสรุปเรื่องราวของทั้งวันนั้น

    ถ้าเราใช้กาแฟปลุกสมอง
    ถ้าเราใช้อาหารปลุกร่างกาย
    เราก็ต้องใช้ "เรื่องราวดีๆ" ปลุกพลังใจครับ

    ซิก ซิกล่าร์ ปรมาจารย์ด้านความสำเร็จระดับโลก
    พูดเรื่องนี้ไว้ได้ดีมากครับ
    เขาถามว่า "คุณจะยอมให้ใครก็ไม่รู้ เดินเข้ามาในบ้าน
    แล้วทิ้งขยะถุงใหญ่ไว้ในห้องนั่งเล่นในบ้านเรามั้ย?"

    แน่นอนว่าไม่มีใครยอม
    แล้ว ซิก ซิกล่าร์ ก็ปิดท้ายด้วยประโยคเด็ดว่า
    "ถ้าคุณไม่ยอมให้ใครเอาขยะมาทิ้งในบ้าน
    แล้วเรื่องอะไรคุณจะยอมให้ใครก็ไม่รู้เอาขยะมาทิ้งในจิตใจ?"

    อ่านหนังสือดีๆ สักนิดยามเช้า
    ฟังเพลงปลุกพลังสักหน่อย
    แล้วก้าวออกจากบ้านพร้อมคำถามดีๆ ที่จะเป็นหางเสือของวันนี้ว่า
    "วันนี้จะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้างนะ?"

    ถึงที่ทำงาน อยู่ให้ห่างจากคนที่ชอบจับกลุ่มกันบ่นๆๆ
    ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ เพราะเรามาทำงาน ไม่ได้มาเล่น
    กลับบ้านมาหาอะไรเบาๆ ประเทืองปัญญา ปิดท้ายวัน
    แล้วหลับไปพร้อมกับเรื่องราวดีๆ ในวันนี้ที่เราต้องขอบคุณ

    อยากมีสุขภาพดี
    เรายังพิถีพิถันเลือกอาหารที่จะเอามาใส่ปาก
    อยากมีชีวิตที่ดี
    เราก็ต้องพิถีพิถันเลือกสิ่งที่จะเข้าไปอยู่ในความคิดของเรา

    ลองทำดูครับ
    แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนแบบที่จำตัวเองในอดีตไม่ได้เลย
    เอาล่ะ เริ่มด้วยคำถามนี้เลย!
    "วันนี้จะมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้างนะ?"

    เป็นบทความที่ดีมากๆจากพี่บอย อยากให้หลายๆคนลองเปลี่ยนพฤติกรรมของการรับสิ่งต่างๆ เข้ามในชีวิตในแต่ละวัน ไม่รับเรื่องลบๆ เรื่องร้าย และหยุดการสนทนาเชิงลบ พูดนินทาคนอื่น พูดถึงคนอื่นในทางที่เสียหาย แล้วคุณจะพบว่าชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
    ....
     
    Credit บอย วิสูตร



    .........................................................................................................................................................
    สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL


    .........................................................................................................................................................
    ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
    Tel.083-1258400
    Line ID: boonying





     

    วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

    แนวคิด คนรวย-คนจน

    บทความน่าสนใจ
    ผมคัดลอกมาจาก  http://therealidol.com/?boonying


    " ... วันก่อนได้อ่านหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง เขียนโดย Keith Cameron Smith เรื่องความแตกต่างที่โดดเด่น 10 ข้อ ระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลาง และเห็นว่ามันมีความเป็นจริงอยู่พอสมควรจากการสังเกตของผม ดังนั้น จึงขอนำมาเผยแพร่ เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้ว่า เราอยู่ในด้านไหนของสังคม และจะต้องทำอย่างไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ย้ายจากการมีแนวโน้มที่จะเป็นคนชั้นกลางสู่การเป็นคนรวย



    ความแตกต่างข้อแรก ก็คือ "เศรษฐีคิดยาว แต่คนชั้นกลางคิดสั้น" แต่ว่าที่จริงคนที่คิดสั้นที่สุดก็คือ "คนจน" พวกเขามักจะคิดอะไรแบบวันต่อวันทำนองหาเช้ากินค่ำ คนชั้นกลางนั้นมักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน นั่นคือ คิดถึงวันเงินเดือนออก แต่คนรวยจะต้องคิดยาวเป็นปีๆ หรือเป็นสิบๆปี ในใจของคนจน เขามักคิดแต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอดเป็นหลัก ในขณะที่คนชั้นกลางคิดถึงเรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า ส่วนคนรวย เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน เขาต้องการความเป็นอิสระทางการเงิน การคิดยาวนั้นมีพลังมหาศาล เพราะมันจะทำให้เขาอดออม และลงทุนระยะยาวซึ่งจะทำให้เงินงอกเงยแบบทบต้นเป็นเวลานาน และนี่คือ สูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนมั่งคั่ง!!!
    ข้อสอง คนรวยพูดเกี่ยวกับเรื่องไอเดีย คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ และคนจนพูดถึงเรื่องของคนอื่น นี่คงไม่ได้หมายถึง ว่าคนรวยไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งของหรือคนอื่น แต่หมายถึงว่า คนรวยจะพูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่าคนจน และมักจะเป็นคนที่มีแนวความคิดดีๆ หรือมีมุมมองต่างๆ มากกว่าคนชั้นกลางและคนจน เบื้องหลังของนิสัยในเรื่องนี้คงอยู่ที่ว่า คนรวยนั้นมักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนจนซึ่งมักจะชอบ “ซุบซิบนินทา” เป็นนิจสิน ในขณะที่คนชั้นกลางอาจจะเน้นการทำงานประจำ ชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ ดนตรี การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น
     
    ข้อสาม คนรวยยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางต่อต้านการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางรู้สึกว่า การเปลี่ยนแปลงจะคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเองเคยชิน ในขณะที่คนรวย คิดว่าการเปลี่ยนแปลงอาจนำมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่า เขาคิดว่าในการเปลี่ยนแปลงมักมีโอกาสที่เขาอาจจะฉกฉวยได้ เบื้องหลังนิสัยนี้ อาจจะมาจากการที่คนรวย มีความมั่นใจสูงกว่าคนชั้นกลาง ที่มักจะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ๆ ได้

    ข้อสี่ คนรวยกล้ารับความเสี่ยงที่ได้มีการพิจารณาและไตร่ตรองดีแล้ว คนชั้นกลางกลัวที่จะรับความเสี่ยง นี่เป็นนิสัยที่เป็นจุดอ่อนมากที่สุดของคนชั้นกลางในความเห็นของผม คนที่ไม่ยอมรับความเสี่ยงเลย จะพลาดที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีโดยสิ้นเชิง ขณะคนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่างที่ได้มีการศึกษามาเป็นอย่างดี จะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้โดยที่ความเสี่ยงจริงๆ จะมีน้อยมาก ตัวอย่างที่ เห็นชัดเจนที่สุดก็คือ คนชั้นกลางส่วนใหญ่ มักจะกลัวการลงทุนในหุ้น หรือตราสารการเงินที่มีความผันผวนของราคา โดยที่เขาไม่พยายามศึกษาว่าในระยะยาวแล้ว มันอาจจะมีความคุ้มค่ากว่าการฝากเงินในธนาคารมาก ในอีกมุมหนึ่ง คนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่าง “บ้าบิ่น” เช่นคนที่เล่นหุ้นวันต่อวันเองก็ไม่ใช่นิสัยของคนรวย คนรวยต้องรับความเสี่ยงเฉพาะที่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว


    ข้อห้า คนรวยเรียนรู้และเติบโตตลอดชีวิต คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนรู้จบที่โรงเรียน นิสัยการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ นี้ ผมคิดว่าเป็นหัวใจเศรษฐีจริงๆ เพราะในความรู้สึกของผม การเรียนรู้จากโรงเรียนเป็นเพียงพื้นฐาน ที่เรานำมาศึกษาต่อด้วยตนเองได้ และเวลาหลังจากการเรียนในโรงเรียนยาวมากเป็นหลายสิบปี ดังนั้นความรู้ส่วนใหญ่จึงควรที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเรียนจบจากโรงเรียน โดยนัยของข้อนี้ คนรวยจึงน่าจะมีนิสัยรักการอ่านหรือการหาความรู้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนชั้นกลาง พอเรียนจบก็มักจะไม่สนใจอ่านหนังสือหรือหาความรู้ใหม่ๆ ความรู้ที่ผมคิดว่าคนชั้นกลางพลาดไป เพราะไม่มีการสอนในโรงเรียน ก็คือ ความรู้ทางด้านการเงินที่คนรวย มักจะศึกษาต่อเพราะเห็นถึงความสำคัญและอาจนำไปสู่ความร่ำรวยได้


    ข้อหก คนรวยทำงานเพื่อหากำไร คนชั้นกลางทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้าง คนรวยมองว่านี่คือ หนทางที่จะทำให้รวยได้มากกว่า แม้จะมีความเสี่ยง ในขณะที่คนชั้นกลาง มักจะไม่กล้าเสี่ยง และอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า จึงมุ่งไปที่การหางานที่จะมีรายได้แน่นอน แต่รายได้จากการใช้แรงงานของตนเอง มีน้อยคนที่จะทำให้ตนเองรวยได้


    ข้อเจ็ด คนรวยเชื่อว่าพวกเขาต้องใจบุญสุนทาน คนชั้นกลางคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญญาที่จะทำบุญ ข้อนี้ผมเองคงไม่มีคอมเมนท์อะไร ส่วนหนึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของแต่ละคน ที่ไม่ค่อยบอก หรือรู้กันยกเว้นกรณีที่เป็นการบริจาคใหญ่ๆ อย่างกรณีของบัฟเฟตต์หรือบิล เกตส์


     
    ข้อแปด คนรวย มีแหล่งรายได้หลากหลาย คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสองแหล่ง ข้อนี้ก็เช่นกัน ผมเองไม่แน่ใจว่าคนรวยมีรายได้จากหลายแหล่ง เพราะรวยแล้วจึงไปลงทุนในทรัพย์สินหลายๆ อย่าง หรือมีทรัพย์สินหลายอย่างจึงทำให้รวย แต่ที่ผมเห็นชัดเจนก็คือ คนชั้นกลางนั้น มักไม่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยง ทำให้รายได้มักจะมาจากเงินเดือนเป็นหลัก

    ข้อเก้า คนรวยเน้นการเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งของตนเอง คนชั้นกลางเน้นการเพิ่มของเงินเดือน เป้าหมายของคนรวยนั้นอยู่ที่ว่าตนเองมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน โดยมองที่ภาพรวม ดังนั้น ถ้าเขามีหุ้นอยู่ การที่หุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเขาก็มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นโดยที่เขาไม่ต้อง เสียภาษี แต่คนชั้นกลางพยายามทำงาน เพื่อให้มีเงินเดือนสูงขึ้นแต่เขาอาจจะลืมไปว่าเขาจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ด้วย สรุปก็คือ คนรวยเน้นการลงทุนใช้เงินทำงานแทนตนเอง คนชั้นกลางเน้นการใช้แรงงานของตนเอง


    สุดท้ายข้อสิบ คนรวยชอบตั้งคำถามที่เป็นบวกและสร้างกำลังใจ เช่น ฉันจะสร้างรายได้เป็นเท่าตัวในปีนี้ได้อย่างไร? ในขณะที่คนชั้นกลางชอบตั้งคำถามที่เป็นลบ และเสียกำลังใจ เช่น จะหาเงินมาจ่ายหนี้ค่าบัตรเครดิตเดือนนี้ได้อย่างไร ? และนั่นก็คือ ความแตกต่าง 10 ข้อระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลางที่มีคนตั้งข้อสังเกตไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นจริง แน่นอน คนรวยบางคนก็มีคุณสมบัติที่เป็นแบบคนชั้นกลาง และคนชั้นกลางจำนวนมากก็มีนิสัยแบบคนรวย แต่ถ้าเราอยากรวย ผมคิดว่าการยึดนิสัยแบบคนรวยน่าจะทำให้เรามีโอกาสมากกว่า..."






    ......................................................................................................................................................

    สนใจธุรกิจหรือเรื่องราวของสินค้านวัตกรรมของ SOL



    .........................................................................................................................................................
    ชื่อ: บุญยิ่ง ฤกษ์อุดม
    Tel.083-1258400
    Line ID: boonying


     

     

    อเมริกันฟุตบอล กับ งาน

    หลายๆท่าน คงไม่มีใครทราบว่า นอกจาก เป็นแฟน ฟุตบอลที่ใช้เท้าเตะแล้ว ผมก็เป็นแฟนอเมริกันฟุตบอลที่ติดตามเวลาแมตช์ใหญ่ๆอย่าง Super Bowl อยู่เกือ...